วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม ค.ศ. 2015 | ||||
---|---|---|---|---|
22:20 | ![]() | vs | ![]() |
วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 2015 | ||||
---|---|---|---|---|
22:20 | ![]() | vs | ![]() |
วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 2015 | ||||
---|---|---|---|---|
21:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 2015 | ||||
---|---|---|---|---|
19:30 | ![]() | vs | ![]() |
วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม ค.ศ. 2015 | ||||
---|---|---|---|---|
19:30 | ![]() | vs | ![]() |
วันอังคารที่ 25 สิงหาคม ค.ศ. 2015 | ||||
---|---|---|---|---|
2:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 2015 | ||||
---|---|---|---|---|
18:45 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 12 กันยายน ค.ศ. 2015 | ||||
---|---|---|---|---|
21:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 19 กันยายน ค.ศ. 2015 | ||||
---|---|---|---|---|
18:45 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 26 กันยายน ค.ศ. 2015 | ||||
---|---|---|---|---|
21:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม ค.ศ. 2015 | ||||
---|---|---|---|---|
21:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม ค.ศ. 2015 | ||||
---|---|---|---|---|
21:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 2015 | ||||
---|---|---|---|---|
21:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 2015 | ||||
---|---|---|---|---|
22:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015 | ||||
---|---|---|---|---|
22:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015 | ||||
---|---|---|---|---|
22:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015 | ||||
---|---|---|---|---|
22:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 2015 | ||||
---|---|---|---|---|
22:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม ค.ศ. 2015 | ||||
---|---|---|---|---|
22:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม ค.ศ. 2015 | ||||
---|---|---|---|---|
22:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 2015 | ||||
---|---|---|---|---|
22:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม ค.ศ. 2015 | ||||
---|---|---|---|---|
22:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 2 มกราคม ค.ศ. 2016 | ||||
---|---|---|---|---|
22:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันพุธที่ 13 มกราคม ค.ศ. 2016 | ||||
---|---|---|---|---|
3:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 16 มกราคม ค.ศ. 2016 | ||||
---|---|---|---|---|
22:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 23 มกราคม ค.ศ. 2016 | ||||
---|---|---|---|---|
22:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 | ||||
---|---|---|---|---|
2:45 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 | ||||
---|---|---|---|---|
22:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 | ||||
---|---|---|---|---|
22:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 | ||||
---|---|---|---|---|
22:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันพุธที่ 2 มีนาคม ค.ศ. 2016 | ||||
---|---|---|---|---|
2:45 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 2016 | ||||
---|---|---|---|---|
22:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 2016 | ||||
---|---|---|---|---|
22:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม ค.ศ. 2016 | ||||
---|---|---|---|---|
22:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 2 เมษายน ค.ศ. 2016 | ||||
---|---|---|---|---|
21:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 9 เมษายน ค.ศ. 2016 | ||||
---|---|---|---|---|
21:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 16 เมษายน ค.ศ. 2016 | ||||
---|---|---|---|---|
21:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 23 เมษายน ค.ศ. 2016 | ||||
---|---|---|---|---|
21:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 30 เมษายน ค.ศ. 2016 | ||||
---|---|---|---|---|
21:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 2016 | ||||
---|---|---|---|---|
21:00 | ![]() | vs | ![]() |
วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 2016 | ||||
---|---|---|---|---|
21:00 | ![]() | vs | ![]() |
แบบฝึกหัด
บทที่ 1 (กิจกรรม1)
รายวิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน
ชื่อ -สกุล นายสกุลศักดิ์ ทับทิม รหัส 53010914570 GM
จงเติมในช่องว่างว่าข้อใดเป็นข้อมูล หรือสารสนเทศ
1.ข้อมูลหมายถึง
ข้อเท็จจริงหรือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ เช่น คน สัตว์ สิ่งของสถานที่ ฯลฯ โดยอยู่ในรูปแบบที่ เหมาะสมต่อการสื่อสาร การแปลความหมายและการประมวลผลซึ่งข้อมูลอาจจะได้มาจากการสังเกต การรวบรวม การวัด ข้อมูลเป็นได้ทั้งข้อมูลตัวเลขหรือสัญญลักษณ์ใด ๆ ที่สำคัญจะต้องมีความเป็นจริงและต่อเนื่องตัวอย่างของข้อมูล เช่น คะแนนสอบ ชือนักเรียน เพศ อายุ เป็นต้น
2.ข้อมูลปฐมภูมิคือ
ข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาจากแหล่งข้อมูลขั้นต้นที่ได้มา จากแหล่งข้อมูลโดยตรง
ยกตัวอย่างประกอบ เช่น นักเรียนที่ได้มาจากการตอบแบบสอบถาม การสำรวจ การสัมภาษณ์ การวัด การสังเกต การทดลอง ข้อมูลสินค้าที่ได้จากการใช้ เครื่องอ่านบาร์โค้ด ข้อมูลบัตรเอทีเอ็มที่ได้จากเครื่องอ่านแถบแม่เหล็ก ข้อมูลที่ได้จะต้องมีความถูกต้อง ทันสมัย และเป็นปัจจุบันมากกว่าข้อมูลทุติยภูมิ
3.ข้อมูลทุติยภูมิคือ
ข้อมูลที่ได้จากแหล่งที่รวบรวมข้อมูลไว้แล้วโดยมีผู้หนึ่งผู้ใดหรือหน่วยงานได้ทำการที่ตัดสินใจว่าข้อมูลไหนเป็นข้อมูลปฐมภูมิหรือข้อมูลทุติยภูมินั้น มีหลักสังเกต คือ ถ้าเป็นข้อมูลปฐมภูมิจะต้องเป็นข้อมูลที่ผู้เขียนหรือผู้ประเมินผลได้พบเหตุการณ์ต่าง ๆ ลงมือสำรวจศึกษาค้นคว้าหรือเป็นการแสดงความคิดเห็นเริ่มแรกด้วยตนเอง มิได้คัดลอกมาจากผู้อื่น แต่ถ้าเป็นข้อมูลที่ได้คัดลอกมาจากบุคคลอื่น แล้วนำมาเรียบเรียงใหม่ ถือว่าเป็นข้อมูลทุติยภูมิ
ยกตัวอย่างประกอบ งานวิจัยเรื่อง”การศึกษาสภาพการดำเนินงานจากงบการเงินของธุรกกิจดาธุรกิจอุตสาหกรรมขนาดกลาง”จากงานวิจัยเรื่องนี้ถ้าผู้วิจัยเข้าไปสัมภาษณ์หรือเก็บข้อมูลงบการเงินจบรรอุตสาหกรรมขนาดกลางโดยตรง ข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้นี้จัดได้ว่าเป็น ข้อมูลปฐมภูมิ
4.สารสนเทศหมายถึง
สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ หรืออาจกล่าวได้ว่า สารสนเทศ เกิดจากการนำข้อมูล ผ่านระบบการประมวลผล คำนวณ วิเคราะห์และแปลความหมายเป็นข้อความที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
เช่น สารสนเทศที่เป็น ความรู้ที่เกิดจากวิทยุ โทรศัพท์มือถือ ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ รอบตัวเราซึ่งอาจมาจาก วิทยุ โทรทัศน์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ดาวเทียม โทรศัพท์ เครื่องจักร ที่เกี่ยวกับสารสนเทศได้ เครื่องคอมพิวเตอร์ ระบบสื่อสารโทรคมนาคมสมัยใหม่ เช่น การฝาก ถอนเงินผ่านเครื่อง ATM การจองตั๋วเครื่องบิน การลงทะเบียน ฯลฯ
5.จงอธิบายประเภทของสารสนเทศ
ปัจจุบันจะเห็นความสัมพันธ์ระหว่างองค์กร กับระบบสารสนเทศ และเทคโนโลยีสารสนเทศชัดเจนมากขึ้น และเนื่องจากการบริหารงานในองค์กรมีหลายระดับ กิจกรรมขององค์กรแต่ละประเภทอาจจะแตกต่างกัน ดังนั้นระบบสารสนเทศของแต่ละองค์กรอาจแบ่งประเภทแตกต่างกันออกไปถ้าพิจารณาจำแนกระบบสารสนเทศตามการสนับสนุนระดับการทำงานในองค์กร จะแบ่งระบบสารสนเทศได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้1. ระบบสารสนเทศสำหรับระดับผู้ปฏิบัติงาน (Operational – level systems) ช่วยสนับสนุนการทำงานของผู้ปฏิบัติงานในส่วนปฏิบัติงานพื้นฐานและงานทำรายการต่างๆขององค์กร เช่นใบเสร็จรับเงิน รายการขาย การควบคุมวัสดุของหน่วยงาน เป็นต้น วัตถุประสงค์หลักของระบบนี้ก็เพื่อช่วยการดำเนินงานประจำแต่ละวัน และควบคุมรายการข้อมูลที่เกิดขึ้น
2. ระบบสารสนเทศสำหรับผู้ชำนาญการ (Knowledge-level systems) ระบบนี้สนับสนุนผู้ทำงานที่มีความรู้เกี่ยวข้องกับข้อมูล วัตถุประสงค์หลักของระบบนี้ก็เพื่อช่วยให้มีการนำความรู้ใหม่มาใช้ และช่วยควบคุมการไหลเวียนของงานเอกสารขององค์กร
3. ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหาร (Management - level systems) เป็นระบบสารสนเทศที่ช่วยในการตรวจสอบ การควบคุม การตัดสินใจ และการบริหารงานของผู้บริหารระดับกลางขององค์กร
4. ระบบสารสนเทศระดับกลยุทธ์ (Strategic-level system) เป็นระบบสารสนเทศที่ช่วยการบริหารระดับสูง ช่วยในการสนับสนุนการวางแผนระยะยาว หลักการของระบบคือต้องจัดความสัมพันธ์ระหว่างสภาพแวดล้อมภายนอกกับความสามารถภายในที่องค์กรมี เช่นในอีก 5 ปีข้างหน้า องค์กรจะผลิตสินค้าใด
6.ข้อเท็จจริงของสิ่งต่างๆที่อาจเป็นตัวเลขข้อความรูปภาพเสียงคือ
ข้อมูล
7.ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลเป็น
สารสนเทศ
2. ระบบสารสนเทศสำหรับผู้ชำนาญการ (Knowledge-level systems) ระบบนี้สนับสนุนผู้ทำงานที่มีความรู้เกี่ยวข้องกับข้อมูล วัตถุประสงค์หลักของระบบนี้ก็เพื่อช่วยให้มีการนำความรู้ใหม่มาใช้ และช่วยควบคุมการไหลเวียนของงานเอกสารขององค์กร
3. ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหาร (Management - level systems) เป็นระบบสารสนเทศที่ช่วยในการตรวจสอบ การควบคุม การตัดสินใจ และการบริหารงานของผู้บริหารระดับกลางขององค์กร
4. ระบบสารสนเทศระดับกลยุทธ์ (Strategic-level system) เป็นระบบสารสนเทศที่ช่วยการบริหารระดับสูง ช่วยในการสนับสนุนการวางแผนระยะยาว หลักการของระบบคือต้องจัดความสัมพันธ์ระหว่างสภาพแวดล้อมภายนอกกับความสามารถภายในที่องค์กรมี เช่นในอีก 5 ปีข้างหน้า องค์กรจะผลิตสินค้าใด
6.ข้อเท็จจริงของสิ่งต่างๆที่อาจเป็นตัวเลขข้อความรูปภาพเสียงคือ
ข้อมูล
7.ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลเป็น
สารสนเทศ
8.ส่วนสูงของเพื่อนที่ถามจากเพื่อนแต่ละคนเป็น
ข้อมูลปฐมภูมิ
9.ผลของการลงทะเบียนเป็น
ข้อมูลทุติยภูมิ
10.กราฟแสดงจำนวนนิสิตในห้องเรียนวิชาวิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวันSectionวันอังคารเป็น
ข้อมูลปฐมภูมิ
บทที่ 2 บทบาทสารสนเทศกับสังคม
1. ให้นิสิตหารายชื่อเว็บไซต์หรือเทคโนโลยีที่ให้บริการต่าง ๆ ตามหัวข้อเหล่านี้มาอย่างละ 3 รายการ
1.1 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในสาขาการศึกษา
- Eduzones
- Wikipedia
- Dek-d
1.2 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพธุรกิจ พาณิชย์ และสำนักงาน
- กรมพัฒนาธุรกิจ
- ธนาคารไทยพาณิชย์
- ธนาคารกรุงไทย
1.3 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพการสื่อสาร
มวลชน
- ข่าวไทยรัฐออนไลน์
- GossipStar
- Sanook! News
1.4 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทาง
อุตสาหกรรม
- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
- ผลิตภัณฑ์และอุตสาหกรรม
- กรมโรงงานอุตสาหกรรม
1.5 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางการแพทย์
- กระทรวงสาธารณสุข
- สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ( สพฉ.)
- สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร
1.6 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทหารตำรวจ
- กองทัพบก
- รับสมัครทหารกองหนุน
- แจ้งเบาะแสออนไลน์
1.7 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพวิศวกรรม
- สมาคมวิศวกรที่ปรึกษาแห่งประเทศไทย
- สภาวิศวกร
- โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
1.8 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพด้านเกษตรกรรม
- ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเกษตรกรรม
- การเกษตร
- การเกษตรจากชุมพร
1.9 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับคนพิการต่าง ๆ
- กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
- กศน.เพื่อคนพิการ
- สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ
2. มหาวิทยาลัยมหาสารคามเตรียมเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการศึกษาให้กับท่าน มีอะไรบ้าง บอกมาอย่างน้อย 3 อย่าง
- ห้องสมุดดิจิตอล
- ตู้ถอนเงินอัตโนมัติ
- โปรเจคเตอร์
3. ข้อ 2 จงวิเคราะห์ว่าท่านจะเอาเทคโนโลยีเหล่านั้น มาทำให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองอย่างไรบ้าง
- ห้องสมุดดิจิตอลมีพื้นที่พอสำหรับนักศึกษาว่าต้องการไปค้นหาความรู้โดยใช้อินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งสะดวกและใช้งานง่าย
บทที่ 3 การรู้สารสนเทศ
คำชี้แจง จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด
1. ข้อใดเป็นความหมายที่ถูกต้องที่สุดของการรู้สารสนเทศ
ง. ความสามารถของบุคคลในการเข้าถึง ประเมิน และใช้งานสารสนเทศ
2. จากกระบวนการของการรู้สารสนเทศ ทั้ง 5 ประการ ประการไหนสำคัญที่สุด
ง. ความสามารถในการใช้และการสื่อสารสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
3. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของผู้รู้สารสนเทศ
ค. ชอบใช้คอมพิวเตอร์ในการเล่นเกม
4. ข้อใดไม่ใช่ความสำคัญของการรู้สารสนเทศ
ค. สารสนเทศมีการเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็ว จนยากที่จะเข้าถึง
5. ข้อใดเป็นการเรียงลำดับขั้นตอนของกระบวนการเรียนรู้สารสนเทศที่ถูกต้อง
1. ความสามารถในการประมวลสารสนเทศ
2. ความสามารถในการประเมินสารสนเทศ
3. ความสามารถในการใช้และการสื่อสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
4. ความสามารถในการค้นหาสารสนเทศ
5. ความสามารถในการตระหนักว่าเมื่อใดจึงจะต้องการสารสนเทศ
ค. 5-4-1-2-3
บทที่ 4 เทคโนโลยีสารสนเทศ
คำชี้แจง จงตอบคำถามต่อไปนี้
1. ให้นิสิตยกตัวอย่างอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศตามหัวข้อต่อไปนี้ อย่างน้อยหัวข้อละ 3 ชนิด แล้วแลกเปลี่ยนกันตรวจสอบกับเพื่อน
1) การบันทึกและจัดเก็บข้อมูล
- CD
- บัตร ATM
- Memory Card
2) การแสดงผล
- จอภาพ
- เครื่องพิมพ์
- พลอตเตอร์
3) การประมวลผล
- เครื่องคิดเลข
- ฮาร์ดแวร์
- ซอฟแวร์
4) การสื่อสารและเครือข่าย
- โทรศัพท์มือถือ
- IPad
- IPod
2. ให้นิสิตนำตัวเลขในช่องขวา มาเติมหน้าข้อความในช่องซ้ายที่มีความที่สัมพันธ์กัน
(3) ซอฟต์แวร์ประยุกต์
1. ส่วนใหญ่ใช้ทำหน้าที่คำนวณ ประมวลผลข้อมูล
(10) Information Technology
2. e-Revenue
(7) คอมพิวเตอร์ในยุคประมวลผลข้อมูล
3. เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่นำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินการเกี่ยวกับสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความถูกต้องแม่นยำ และความรวดเร็วต่อการนำไปใช้
(4) เทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบด้วย
4. มีองค์ประกอบพื้นฐาน 3 ส่วน ได้แก่ Sender Medium และDecoder
(1) ช่วยเพิ่มผลผลิต เพิ่มต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
5. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการรับ-ส่งเอกสารจากหน่วยงานหนึ่งไปยังอีกหน่วยงานหนึ่งโดยส่งผ่านเครือข่าย
(8) ซอฟต์แวร์ระบบ
6. เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
(9) การนำเสนอบทเรียนในรูปมัลติมีเดีย ที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ตามระดับความสามารถ
7. โปรแกรมที่ทำหน้าที่ใช้ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในระบบคอมพิวเตอร์
(6) EDI
8. โปรแกรมระบบห้องสมุดอัตโนมัติ จัดเป็นซอฟต์แวร์ประเภท
(5) การสื่อสารโทรคมนาคม
9. CAI
(2) บริการชำระภาษีออนไลน์
10. ลักษณะสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
บทที่ 5 การจัดการสารสนเทศ
คำชี้แจง จงตอบคำถามต่อไปนี้
1. จงอธิบายความหมายของการจัดการสารสนเทศ
ตอบ การผลิต จัดเก็บ ประมวลผล ค้นหา และเผยแพร่ สารสนเทศโดยจัดให้มีระบบสารสนเทศ การกระจายของสารสนเทศ ทั้งภายในและภายนอกองค์การ โดยมีการนำเทคโนโลยีต่างๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารมาใช้ในการจัดการ รวมทั้งมีนโยบายหรือกลยุทธ์ระดับองค์การในการจัดการสารสนเทศ
2. การจัดการสารสนเทศมีความสําคัญต่อบุคคลและต่อองค์การอย่างไร
ตอบ 1. ความสำคัญของการจัดการสารสนเทศต่อบุคคล คือ การจัดการสารสนเทศมีความสำคัญต่อบุคคลในด้านการดำรงชีวิตประจำวัน การศึกษา และการทำงานประกอบอาชีพ ต่างๆ การจัดการสารสนเทศอย่างเป็นระบบ โดยการจัดทำฐานข้อมูลส่วนบุคคล รวบรวมทั้งข้อมูลการดำรงชีวิต การศึกษา และการทำงานประกอบอาชีพต่างๆ ในการดำรงชีวิตประจำวัน
2. ความสำคัญของการจัดการสารสนเทศต่อองค์การ คือ
1) ความสำคัญด้านการบริหารจัดการ การบริหารจัดการในยุคโลกาภิวัตน์เป็นการบริหารภายใต้สภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีการแข่งขันกันทางธุรกิจสูง ผู้บริหารต้องอาศัยสารสนเทศที่เกี่ยวข้องทั้งกับสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกองค์การ เพื่อวิเคราะห์ปัญหาจึงจำเป็นต้องได้รับสารสนเทศ ที่เหมาะสม ถูกต้อง ครบถ้วน ทันการณ์ และทันสมัย เพื่อใช้ประกอบภารกิจตามหน้าที่ ตามระดับการบริหาร การจัดการสารสนเทศจึงนับว่ามีความสำคัญ ความจำเป็นที่ต้องมีการออกแบบระบบการจัดการสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพ
2) ความสำคัญด้านการดำเนินงาน สารสนเทศนับมีความสำคัญต่อการดำเนินงานในหลายลักษณะ เป็นทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการดำเนินงาน และหลักฐานที่บันทึกการดำเนินงานในด้านต่างๆ ตามที่หน่วยงานดำเนินการ การจัดการสารสนเทศช่วยให้การใช้สารสนเทศเพื่อรองรับการปฏิบัติงานตามกระแสงานหรือขั้นตอน จึงสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการดำเนินงาน เอื้อให้เข้าถึงและใช้สารสนเทศได้อย่างสะดวก
3) ความสำคัญด้านกฎหมาย การจัดการสารสนเทศเพื่อการดำเนินงาน จำเป็นต้องสอดคล้องกับกฎหมาย กฎ ระเบียบและข้อบังคับทั้งในระดับภายในและภายนอกองค์การ โดยเฉพาะสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการเงินและบัญชีที่ต้องรวบรวมจัดเก็บอย่างต่อเนื่อง เป็นระบบ
3. พัฒนาการของการจัดการสารสนเทศแบ่งออกเป็นกี่ยุค อะไรบ้าง
ตอบ แบ่งอย่างกว้างๆ ได้เป็น 2 ยุค ดังนี้
- 3.1 การจัดการสารสนเทศด้วยระบบมือ
- 3.2 การจัดการสารสนเทศโดยใช้คอมพิวเตอร์
4. จงยกตัวอย่างการจัดการสารสนเทศที่นิสิตใช้ในชีวิตประจำวันมา อย่างน้อย 3 ตัวอย่าง
ตอบ 1. การหาข้อมูลทำรายงานส่งอาจารย์
2. การศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งของเครื่องใช้ที่ต้องการซื้อ
3. การบริโภคข้อมูลในเฟสบุคอย่างมีสติ
บทที่ 6 การประยุกต์ใช้สารสนเทศในชีวิตประจำวัน
คำชี้แจง จงเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงคำตอบเดียว
1. การประยุกต์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ เป็นความหมายของข้อใด?
2. เทคโนโลยี
2. เทคโนโลยีสารสนเทศใดก่อให้เกิดผลด้านการเสริมสร้างความเท่าเทียมกันในสังคม?
3. การสร้างสื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
3. การฝากถอนเงินผ่านเอทีเอ็ม (ATM) เป็นลักษณะเด่นของเทคโนโลยีสารสนเทศข้อใด?
1. ระบบอัตโนมัติ
4. ข้อใดคือการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ?
4. ถูกทุกข้อ
5. เทคโนโลยีสารสนเทศหมายถึงข้อใด?
3. การนำเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์มาสร้างข้อมูลเพิ่มให้กับสารสนเทศ
6. เครื่องมือที่สำคัญในการในการจัดการสารสนเทศในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร?
4. ถูกทุกข้อ
7. ข้อใดไม่ใช่บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศ?
4. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้มีการสร้างที่พักอาศัยที่มีคุณภาพ
8. ข้อใดไม่ใช่อุปกรณ์ที่ช่วยงานด้านสารสนเทศ?
3. เครื่องมินิคอมพิวเตอร์
9. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับ เทคโนโลยีสารสนเทศ?
3. ไม่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
10. ข้อใดคือประโยชน์ที่ได้จากการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้กับการเรียน?
4. ถูกทุกข้อ
บทที่ 7 ความปลอดภัยของสารสนเทศ
คำชี้แจง จงตอบคำถามต่อไปนี้
1. หน้าที่ของไฟร์วอลล์ (Firewall) คือ เป็นตัวกรองข้อมูลสื่อสาร โดยการกำหนดกฎและระเบียบมาบังคับใช้โดยเฉพาะเรื่องของการดูแลระบบเครือข่าย โดยความผิดพลาดของการปรับแต่งอาจส่งผลทำให้ไฟล์วอลล์มีช่องโหว่ และนำไปสู่สาเหตุของการโจรกรรมข้อมูลคอมพิวเตอร์ได้
2. จงอธิบายคำศัพท์ต่อไปนี้ ที่เกี่ยวข้องกับไวรัสคอมพิวเตอร์ worm, virus computer, spy ware, adware มาอย่างน้อย 1 โปรแกรม
ตอบ virus computer คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ปรือชุดคำสั่ง ที่มนุษย์เขียนขึ้นมามีวัตถุประสงค์เพื่อรบกวนการทำงานหรือทำลายข้อมูล รวมถึงแฟ้มข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ ลักษณะการติดต่อของไวรัสคอมพิวเตอร์ คือไวรัสจะนำพาตังเองไปติด (Attach) กับโปรแกรมดังกล่าวก็เป็นเสมือนโปรแกรมพาหะในกำนำพาไวรัสแพร่กระจายไปยังโปรแกรมหรือระบบคอมพิวเตอร์อื่น ๆ หรือแม้กระทั่งแพร่กระจายในระบบเครือข่ายต่อไป
3. ไวรัสคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็นกี่ชนิด อะไรบ้าง
1) Application viruses จะมีผลหรือมีการแพร่กระจายไปยังโปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ
2) System viruses ไวรัสชนิดนี้จะติดหรือแพร่กระจายในโปรแกรมจำพวกระบบปฏิบัติการ Operating systems) หรือโปรแกรมระบบอื่น ๆ โดยไวรัสชนิดนี้มักจะแพร่เชื้อในขณะที่เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
4. ให้นิสิตอธิบายแนวทางในการป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์มาอย่างน้อย 5 ข้อ
1) ใช้โปรแกรมสแกนไวรัส
2) เปิดระบบป้องกันของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า ไฟร์วอลล์ (Firewall)
3) การนำ Proxy เข้ามาทำงานร่วมกับไฟร์วอลล์โดยเป็นการติดต่อผ่าน Proxy Server เพื่อป้องกันระบบ Internet ให้ปลอดภัย
4) ไม่กดโหลดอะไรมั่ว ควรอ่านให้ดีๆ
5) ไม่คลิกโฆษณาหน้าเว็บไซต์ต่างๆ
5. มาตรการด้านจริยธรรมคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตที่เหมาะสมกับสังคมปัจจุบัน ได้แก่
1) ICT Gate Keeper เฝ้าระวังพิษภัยอินเทอร์เน็ตบนเครือข่ายและวงจรเชื่อมต่อระหว่างประเทศ (Gateway) พัฒนาซอฟต์แวร์นี้โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กระทรวงไอซีที ได้มอบหมายให้บริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) ดำเนินการเพื่อเฝ้าระวังปิดกั้นข้อมูลไม่เหมาะสมตั้งแต่ต้นทาง
2) House Keeper ซึ่งจัดทำเป็นแผ่นซีดีรอม และแจกฟรีให้กับผู้ปกครองหรือดาวน์โหลดได้ฟรีจากเว็บไซต์ของกระทรวง โปรแกรมนี้จะมี 3 ส่วน
-ส่วนแรกคิดดี้แคร์ ปิดกั้นเว็บไซต์อนาจารและเว็บที่ไม่เหมาะสมที่กระทรวงไอซีที มีข้อมูลคาดว่าจะช่วยป้องกันได้ในระดับหนึ่ง
-ต่อมาเป็นส่วนพีเพิลคลีน ติดไอคอนไวที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้จะคลิกเข้าไปเมื่อพบภาพลามกอนาจาร ประชาชนจึงสามารถเข้ามามีบทบาทช่วยเฝ้าระวังภัยได้เช่นกัน
-ส่วนสุดท้าย สมาร์ทเกมเมอร์ (Smart Gamer) แก้ปัญหาการติดแกม และควบคุมการเล่นเกมของเด็ก ๆ ผู้ปกครองจะเป็นผู้กำหนดระยะเวลาของการเล่นเกมและช่วยดูแลเรื่องความรุนแรงของเกม แต่ละส่วนนี้คงต้องมีการปรับปรุงให้ทันสมัยตลอดเวลา
บทที่ 8 การใช้สารสนเทศตามกฎหมายและจริยธรรม
คำชี้แจง จงพิจารณากรณีศึกษานี้
1) “นาย A ทำการเขียนโปรแกรมขึ้นมาโปรแกรมหนึ่งเพื่อทดลองโจมตีการทำงานของคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งานได้โดยทำการระบุ IP-Addressโปรแกรมนี้สร้างขึ้นมาเพื่อทดลองในงานวิจัย นาย B ที่ เป็นเพื่อนสนิทของนาย A ได้นำโปรแกรมนี้ไปทดลองใช้แกล้งนางสาว C เมื่อนางสาว Cทราบเข้าก็เลยนำโปรแกรมนี้ไปใช้และส่งต่อให้เพื่อนๆ ที่รู้จักได้ทดลอง” การกระทำอย่างนี้ผิดจริยธรรมหรือผิดกฎหมาย ใดๆ หรือไม่ หากไม่ผิดเพราะเหตุใด และหากผิด ผิดในแง่ไหน จงอธิบาย
ตอบ ผิดทางกฎหมาย มาตรา ๙ ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากทำโปรแกรมเพื่อทดลองโจมตีการทำงานของคอมพิวเตอร์และทำให้ผู้อื่นเสียหาย และหากนาย B นำโปรแกรมไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตก็ผิดเช่นเดียวกัน เพราะไม่ใช่โปรแกรมที่นำไปเผยแพร่ เป็นโปรแกรมสร้างมาเพื่อทดลองในงานวิจัย ดังนั้นจึงผิดทั้งจริยธรรมและทางกฎหมาย โดยที่นางสาว C ก็ผิดเช่นเดียวกัน
2) “นาย J ได้ทำการสร้างโฮมเพจ เพื่อบอกว่าโลกแบนโดยมีหลักฐาน อ้างอิงจากตำราต่างๆ อีกทั้ง รูปประกอบ เป็นการทำเพื่อความสนุกสนาน ไม่ได้ใช้ในการอ้างอิงทางวิชาการใดๆ เด็กชาย K เป็นนักเรียน ในระดับประถมปลายที่ทำรายงานส่งครูเป็นการบ้านภาคฤดูร้อนโดยใช้ข้อมูลจากโฮมเพจของนาย J” การ กระทำอย่างนี้ ผิดจริยธรรม หรือผิดกฎหมายใดๆ หรือไม่ หากไม่ผิดเพราะเหตุใด และหากผิด ผิดในแง่ไหน จงอธิบาย
ตอบ ไม่ผิดเพราะเด็กชาย K ทำรายงานเพื่อการศึกษา และเนื้อหาก็มีส่วนอ้างอิงน่าเชื่อถือไ